บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2013

กฎหมายยังมีอยู่?

รูปภาพ
หากติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง เชื่อแน่ว่าคงไม่มีใครกล้าตอบคำถามของชื่อบทความนี้แน่นอน เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้หรือไม่ มันเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เป็นเพียงความฝันของการนอนหลับหลังอาหารเย็นครั้งหนึ่งในหลายๆ ครั้งของชีวิต อาจจะเป็นเพราะชีวิตของเราเริ่มจะชาชินกับความอยุติธรรมในสังคมไทย หรืออาจจะเป็นเพราะเราเกิดความชาชินกับพฤติกรรมของผู้พิทักษฺ์สันติราษฎร์ของบ้านเมืองเราก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นเพราะเราเริ่มจะคุ้นเคยกับพฤติกรรมของรัฐบาลไทยภายใต้การกำกับดูแลของใครคนหนึ่ง(ที่รู้กันดีทั้งประเทศว่าเป็นใคร ? แม้แต่ตัวของนายกรัฐมนตรีเอง) หรทอเพราะเราคุ้นเคยกับพฤติกรรมของนักการเมืองบ้านเรา หรอเพราะเราเริ่มจะคุ้นเคยกับความเป็น "คนเสื้อแดง" ในฐานะที่เป็นชนเผ่าหนึ่งของประเทศไทย การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในช่วงหนึ่งบอกให้เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในสังคมไทย เราได้เห็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทำหน้าที่ผู้คุ้มครองดูแลประชาชนคนเสื้อแดงตั้งแต่การนำขบวนการเดินทางเข้าสู่ที่ชุมน

การเมืองใต้ตม

รูปภาพ
"ทรัพยากรในโลกเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนทั้งโลก  แต่  ไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนที่มีความโลภเพียงคนเดียว....."  คำกล่าวของท่าน มหาตมะ คานธี หรือ โมหันทาส กะรัมจันท คานธี (Mohandas Karamchand Gandhi) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869 - 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ( อายุรวม 78 ปี) ถูกบันทึกเอาไว้อ้างอิงได้ในยุคสมัยต่อมาได้อย่างกลมกลืน มองเห็นได้ว่าเกิดขึ้นจริงด้วยสายตาของประชาชน อันเนื่องมาจากคำกล่าวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น สัจธรรม ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่นักการเมืองทุกคนในปัจจุบันหลีกเลี่ยงที่จะมาเปิดอ่านหรือแม้แต่เพียงเหลือบแลมอง เนื่องมาจากทุกคนไม่สามารถยอมรับในความจริงที่ปรากฎ อันเป็นวิถีทางที่ปิดกั้นการแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติของนักการเมืองในสังคมยุคใหม่ที่ประกอบไปด้วย นายทุน นักธุรกิจ ผู้มีอิทธิพลและผู้ที่ก้าวเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะสังคมโลกในยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการบริหารระบอบเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลที่มีอำนาจใน การปกครองประเทศเพื่อเชื่อมโยงโลกทั้งโลกเข้ามาหลอมรวมกัน โดยสังคมโลกไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

อำนาจอธิปไตย

รูปภาพ
อำนาจอธิปไตย (อังกฤษ: sovereignty) หมายถึง อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐ ดังนั้น สิ่งอื่นใดจะมีอำนาจยิ่งกว่าหรือขัดต่ออำนาจอธิปไตยหาได้ไม่ อำนาจอธิปไตย ย่อมมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระบอบการปกครอง ตัวอย่างเช่น ในระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน กล่าวคือ ประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อำนาจอธิปไตยเป็นของพระมหากษัตริย์ คือ กษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นต้น อนึ่ง อำนาจอธิปไตยนี้ นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของความเป็นรัฐ เพราะการจะเป็นรัฐได้นั้น นอกจากต้องประกอบด้วย อาณาเขต ประชากร และรัฐบาลแล้ว ย่อมต้องมีอำนาจอธิปไตยด้วย กล่าวคือ ประเทศนั้นต้องเป็นประเทศที่สามารถมีอำนาจสูงสุด (อำนาจอธิปไตย) ในการปกครองตนเอง จึงจะสามารถเรียกว่า "รัฐ" ได้ สำหรับราชอาณาจักรไทย ใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น อำนาจอธิปไตยจึงเป็นของประชาชน อำนาจอธิปไตยนั้น โดยหลักสากล แต่ละรัฐจะมีองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยอยู่ 3 องค์กร ได้แก่  อำนาจบริหาร  อำนาจนิติบัญญัติ และ อำนาจตุลาการ แนวคิดอำนาจอธิปไตย ในสารานุกรมบริเตนนิกา

ขอไว้อาลัย

รูปภาพ
การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับเจ้าปัญหากำลังสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างไม่ผิดไปจากความคาดหมายของหลายๆ ฝ่าย การชุมนุมคัดค้านเริ่มยกระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเมื่อเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย เครือข่ายภาคประชาชน 77 จังหวัด  และ ฯลฯ จากสวนลุมพินีออกเดินทางไปร่วมสมทบกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณที่เวทีอุรุพงษ์ เมื่อ 3 พ.ย.56 ในช่วงใกล้ค่ำโดยไม่ทันที่ฝ่ายตั้งรับจะทันได้ตั้งตัวเตรียมแผนต้อนรับ ในขณะที่เวทีพรรคประชาธิปัตย์ที่สามเสน ก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยมีจำนวนประชาชนเพิ่มมากขึ้นทุกเวลา และยังมีเวทีคัดค้านที่จัดตั้งในต่างจังหวัดอีกหลายๆ จังหวัดพร้อมๆ กัน ยังไม่นับรวมไปถึง สถาบัน  องค์กรต่างๆ  บรรดานักวิชาการ คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา นักเรียน แทบจะทุกระดับการศึกษา พ่อค้า แม่ค้า และคนแทบทุกวงการอาชีพต่างก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเปิดเผย แต่ความขัดแย้งเหล่านี้กลับไม่ได้สร้างความสะดุ้งสะเทือนให้กับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเพียง 310 คนที่มีมติผ่านร่างวาระที่ 3 ในเวลา ตี 4 เป็นการทำงานกันแบบทุ่มเทผิดวิสัยของความชอบธรรม แต่กลับเป็นการกระทำเหมือนกับโจรใน

สังคมของใคร?

รูปภาพ
เคยมีคนพูดไว้ว่าเมื่ออายุมากขึ้นคนเรามักจะย้อนหวนกลับไปนึกถึงอดีตที่ผ่านมามากกว่าที่จะมองไปข้างหน้า (ก็คงยกเว้นคนหลายๆ คน โดยเฉพาะคนในแวดวงการเมืองการปกครองที่มักจะมีแนวความคิดสวนทางกับผู้คนปกติทั่วไปอันเนื่องมาจากตัณหายังหนาแน่น) เหตุผลคงเนื่องมาจากอดีตที่ผ่านมาสามารถสร้างชีวิตชีวาให้เกิดขึ้นกับจิตใจด้วยการทบทวนถึงความสุขความทรงจำที่ดีๆ มากมาย เพราะหากจะมองไปข้างหน้าแล้วสิ่งที่ทุกคนมองเห็นก็จะเป็นสิ่งเดียวกันโดยไม่มีทางเลือก นั่นคือโลงศพใบหนึ่งกับร่างไร้วิญญานของตัวเอง(ซึ่งอาจจะถูกจับแก้ผ้าหรือสวมชุดใหญ่ก็ตามแต่ความชอบ) การย้อนกลับไปหาอดีตอาจจะเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะแก้ไขความผิดพลาดของตนเองที่เคยกระทำไว้ในขอบเขตที่สามารถจะกระทำได้ ยกเว้นเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้ก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ส่วนการที่จะระลึกถึงด้วยความเสียใจหรือไม่? นั่นก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละบุคคล เพราะเรื่องราวบางอย่างแม้จะรู้ดีว่าผิดหรือไม่ถูกต้อง ตนเองก็ได้ตัดสินใจกระทำลงไปแล้วและพร้อมที่จะรับผลจากการกระทำด้วยความเต็มใจ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือถูกต้อง ตัวเราเองเท่านั้นที่เข้าใจได้ถ่

ความฝันของวันหนึ่ง

รูปภาพ
ทุกวันนี้ ผมไม่เคยแปลกใจตัวเองเลยที่มักจะชอบฝันทั้งๆ ที่ตัวเองยังคงลืมตาอยู่และกระทำกิจวัตรประจำวันอยู่ตามปกติ เพราะจิตใจของผมว่างเปล่าตลอดเวลา ไม่ต้องการอะไรมาเติมใส่ให้เป็นภาระรกสมอง เมื่อต้องการคิดอะไรก็จะปล่อยให้สมองคิดไปตามนั้นไม่มีการเหนี่ยวรั้งฉุดดึงสติของตัวเองให้กลับมาตั้งมั่นอยู่กับตัวตน เนื่องจากตัวตนสงบนิ่ง พอใจในสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจอะไรหากความฝันของผมจะวิ่งไปทั่วทุกหนแห่งมองเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบด้านอย่างเป็นกลาง ไม่มีคำตัดพ้อ ไม่มีความคิดเห็น เพียงแต่บอกเล่าสิ่งที่พบเห็นในความฝันออกไปเท่านั้น ทุกคนมีความฝันของตัวเองตั้งแต่เริ่มมีสติรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น รับรู้ในสิ่งที่มองเห็นด้วยตา รับรู้ในกลิ่นที่ได้รับ รับรู้ในเสียงที่ได้ยิน และรับรู้ในรสสัมผัสที่พบพาน เพียงแต่ว่าเราจะยอมรับกับตนเองในสิ่งที่เราได้สัมผัสมาในความเป็นจริง หรือเราจะหลอกตัวเองให้จมอยู่กับความฝันตลอดไป น้ำท่วม กำลังจะมาถึงในไม่ช้าและก็คงจะมีสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ประชาชนในต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพฯ ก็คงจะต้องต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤต

นโยบายกับความจริง

รูปภาพ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยย่อพอจะสรุปได้ว่ามี 8 ด้าน นโยบายทั้ง 8 ด้าน คือ 1. นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก 2. นโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ 3. นโยบายเศรษฐกิจ 4. นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต 5. นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการวิจัย และนวัตกรรม 7. นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และ 8. นโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี  สำหรับนโยบายข้อ 1) นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก มี 16 เรื่อง คือ 1. สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ 2.  กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติด 3.  ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 4.  ส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ 5.  เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ 6.  เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ 7.  แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 8.  ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 9. ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 10. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน 11. ยกระดับราคาส

ความเป็นกลาง

รูปภาพ
เหมือนปกติของทุกวันที่จะต้องเข้าห้องน้ำเพราะถ้าไม่เข้าเสียเลยก็ไม่รู้ว่าจะกินข้าวไปทำไม ชีวิตมันกำหนดเอาไว้ในวงจรแน่นอนว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แล้วจะไปฝืนมันทำไม? และก็เช่นเคยในห้องสุขานั้นไม่สมควรที่จะใช้เวลาต่ำกว่า 5 นาทีเนื่องจากไม่ได้อยู่ในห้วงสงคราม หรือว่ามีไฟกำลังโหมไหม้บ้าน เวลาที่นานพอสมควรนั้นก็ไม่น่าที่จะปล่อยให้หมดสิ้นไปโดยเปล่ประโยชน์ การหยิบหนังสือติดมือเข้าไปด้วยจึงเป็นนิสัยถาวรอย่างหนึ่งที่กระทำติดต่อกันมานานมากกว่า 40 ปี ไม่มีอะไรเลยก็กระดาษห่อขนมนั่นแหละ ไม่เว้นแม้กระทั่งโฆษณาข้างซองบุหรี่ที่เขาเขียนไว้ว่า "ควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็ง ฟอร์มาลดีไฮต์" แต่ไม่รู้ว่านายทุนหน้าเลือดที่ไหน? ผลิตออกมาขายกันอย่างโจ่งแจ้ง และถูกต้องตามกฎหมาย แต่หนังสือของวันนี้กลายเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หนังสือเล่มเล็กๆ ที่อ่านจบมาแล้วหลายต่อหลายรอบแต่ก็ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องนัก ต้องหยิบเอามาแปลไทยเป็นไทยจนนับครั้งไม่ถ้วน อ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังคงเป็นกฎหมายหลักของประเทศอยู่หรือไม่? เนื่องจากเนื้อหาในกฎหมายฉบับนี้หลายต่อหล

ฟ้าใกล้จะร่ำไห้

รูปภาพ
ไม่ได้เห่อตามกระแสของหน้ากากขาวหรอกนะครับ เพราะอันที่จริงก็ไม่ชอบหน้าคนในรัฐบาลหลายๆ คนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะบรรดาผู้มีอิทธิพลหน้าเดิมๆ ที่ชอบยกขบวนแห่แหนไปตามฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่เป็นนิจ เรียกได้ว่าทำกันจนเป็นนิสัยหรือสันดานก็ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยเค้าใช้คำไหนถึงจะถูกจะควร แต่โดยสรุปก็คือคนกลุ่มนี้ไม่เคยเสียประโยชน์ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล เพราะสามารถเปลี่ยนสีปลิ้นปล้อนเข้ามาเสนอหน้าเป็นรัฐมนตรีได้ทุกโอกาส ถึงจะทำอะไรไม่เป็นซักเรื่อง ก็ขอให้ได้เป็นไว้ก่อน บางคนเคยเป็นถึงรัฐมนตรี่ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศ  ยังไม่รู้เลยว่าประเทศไทยมีกี่จังหวัด ในยุคแรกๆ บางคนก้าวเข้ามาในวงการเมืองด้วยความคิดที่ว่า " ประเทศชาติต้องมาก่อน " แต่มาถึงวันนี้นักการเมืองทุกคนดูเหมือนจะคิดตรงกันหมดว่า " ผลประโยชน์ต้องมาก่อน " ประชาชนส่วนมากนิ่งเฉยขณะที่แบมือรับเงินจากการซื้อเสียง และนักการเมืองทั้งหมดก็พร้อมที่จะปฏิเสธหากถูกระบุว่าจ่ายเงินซื้อเสียง (เพราะไม่ได้จ่ายจริงๆ แต่ไอ้หัวคะแนนต่างหากที่เป็นคนจ่าย) ทุกคนพร้อมที่พูดโกหกได้โดยไม่ขัดเขิน

ปรองดอง?

รูปภาพ
สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวคราวของบ้านเมืองในระยะนี้ก็จะเห็นได้ว่า กระแสของเรื่อง "การปรองดอง" มาแรงแซงโค้งทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องราคาใข่ไก่ที่กำลังทำสถิติแตะเพดานฟองละ 4 บาทเข้าไปแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังใจเย็นเพราะมองเห็นว่าเรื่องปรองดองสำคัญที่สุด เหนือกว่าเรื่องปากท้องของประชาชนและเรื่องอื่นๆ ก็ยังคงรอได้  และเวลานี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ก๋เดินสายทำความเข้าใจกับประชาชน (ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเจาะจงเป็นอุดรธานีและก็เฉพาะคนเสื้อแดง) ท่านได้เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.การปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... รวม 6 มาตรา ซึ่งเป็นของท่าน ดังมีรายละเอียดดังนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ เรียกว่า "พระราชบัญญัติการปรองดองแห่งชาติ พ.ศ...." มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการกระทำใดที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวในระหว่าง พ.ศ.2549 จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากมีการกระทำใดเป็นความผิดตามกฎหมาย

วงจรอุบาทว์

รูปภาพ
อุปสรรคสำคัญของความเสมอภาคระหว่างประเทศในโลกใบนี้ ไม่ใช่จากจำนวนประชากร หรือระบอบการปกครองที่มีอยู่หลากหลาย ไม่ใช่ด้วยหลักการทางศาสนา แต่เป็นระบบเศรษฐกิจโดยรวมของโลกในวันนี้ ที่เริ่มขั้นตอนการทำงานด้วยการแสวงหาช่องทางในการถ่ายเททรัพยากรจากประเทศยากจนไปสู่ประเทศร่ำรวย ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดมา ผูกขาดประเทศด้อยพัฒนาให้ยังคงดำรงความเป็นประเทศด้อยพัฒนาอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากทรัพยากรภายในประเทศถูกประเทศที่อ้างตัวเองว่าเป็นอารยะประเทศ เข้ามากอบโกยสูบออกไปสู่ประเทศของตนด้วยวิธีการต่างๆ ในขณะที่หลายประเทศที่ถูกสูบเลือดทางเศรษฐกิจมานานจนกล้จะรกร้างนั้นก็จะได้รับการปลอบใจว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และก็จะเป็นอย่างนั้นต่อไปจนกว่าทรัพยากรภายในประเทศจะแห้งเหือดไปในที่สุด  ประเทศทียิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ผีร้ายที่น่าหวาดกลัว แต่ผีร้ายก็คือ บรรดานักการเมือง นักธุรกิจ นายทุน ภายในประเทศ ของเราเองที่มัวเมาในอำนาจและหลงไหลวัตถุนิยม เข้าร่วมในการกระบวนการกอบโกยทรัพยากรของประเทศชาติแบบกลุ่ม ด้วยการเข้าควบคุมระบบเศรษฐกิจ การเงิน การคลังและการค้าของประเทศทุกด้านอย่างเบ็ดเสร็จ  เข้าควบคุมกา