วงจรอุบาทว์


อุปสรรคสำคัญของความเสมอภาคระหว่างประเทศในโลกใบนี้ ไม่ใช่จากจำนวนประชากร หรือระบอบการปกครองที่มีอยู่หลากหลาย ไม่ใช่ด้วยหลักการทางศาสนา แต่เป็นระบบเศรษฐกิจโดยรวมของโลกในวันนี้ ที่เริ่มขั้นตอนการทำงานด้วยการแสวงหาช่องทางในการถ่ายเททรัพยากรจากประเทศยากจนไปสู่ประเทศร่ำรวย ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดมา ผูกขาดประเทศด้อยพัฒนาให้ยังคงดำรงความเป็นประเทศด้อยพัฒนาอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากทรัพยากรภายในประเทศถูกประเทศที่อ้างตัวเองว่าเป็นอารยะประเทศ เข้ามากอบโกยสูบออกไปสู่ประเทศของตนด้วยวิธีการต่างๆ ในขณะที่หลายประเทศที่ถูกสูบเลือดทางเศรษฐกิจมานานจนกล้จะรกร้างนั้นก็จะได้รับการปลอบใจว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา และก็จะเป็นอย่างนั้นต่อไปจนกว่าทรัพยากรภายในประเทศจะแห้งเหือดไปในที่สุด 

ประเทศทียิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ผีร้ายที่น่าหวาดกลัว แต่ผีร้ายก็คือ บรรดานักการเมือง นักธุรกิจ นายทุน ภายในประเทศของเราเองที่มัวเมาในอำนาจและหลงไหลวัตถุนิยม เข้าร่วมในการกระบวนการกอบโกยทรัพยากรของประเทศชาติแบบกลุ่ม

  • ด้วยการเข้าควบคุมระบบเศรษฐกิจ การเงิน การคลังและการค้าของประเทศทุกด้านอย่างเบ็ดเสร็จ 
  • เข้าควบคุมการบริหารปกครองประเทศ สร้างความมั่นคงในระบบรัฐสภาเพื่อสร้างคะแนนเสียงในสภานิติบัญญัติเพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีกฎหมายที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนและพวกพ้องไว้ในมืออย่างครบถ้วน 
  • เข้าควบคุมประชาชนด้วยการประชาสัมพันธ์ปลุกเร้าให้ผู้คนพากันเดินหลงทางไปอีกด้านหนึ่ง  เบี่ยงเบนให้ประชาชนหลงประเด็นในการต่อสู้ออกไปจากจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพวกตน

ประเทศชาติตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เนื่องจาก ตัวประกันของสถานการณ์นี้ก็คือ ประชาชน

แต่เดิมมาวัฎจักรในการเมืองการปกครองของบ้านเราจะเดินอยู่ในวงจรสั้นๆ ง่าย ๆไม่ซับซ้อน

  • เมื่อเห็นว่านักการเมืองเริ่มแสวงหาผลประโยชน์ ทหารก็จะทำการปฏิวัติ
  • เมื่อเห็นทหารปกครองแบบเผด็จการ ประชาชนก็จะลุกฮือมาทวงอำนาจคืน
  • เมื่ออำนาจเป็นของประชาชน นักการเมืองก็จะเริมรุกคืบเข้ามาบริหารตามวิถีทางของกฎหมาย

นี่ไม่ใช่วงจรอุบาทว์ดั่งเช่นที่นักวิชาการหรือนักการเมืองกล่าวถึง แต่เป็นวงจรเพื่อถ่วงดุลย์อำนาจในการบริหารปกครองประเทศไม่ให้ตกไปเป็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นานจนเกินไป



โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

การเมืองใต้ตม