การเมืองใต้ตม



"ทรัพยากรในโลกเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนทั้งโลก 
แต่ 
ไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนที่มีความโลภเพียงคนเดียว....." 

คำกล่าวของท่าน มหาตมะ คานธี หรือ โมหันทาส กะรัมจันท คานธี (Mohandas Karamchand Gandhi) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869 - 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ( อายุรวม 78 ปี) ถูกบันทึกเอาไว้อ้างอิงได้ในยุคสมัยต่อมาได้อย่างกลมกลืน มองเห็นได้ว่าเกิดขึ้นจริงด้วยสายตาของประชาชน อันเนื่องมาจากคำกล่าวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น สัจธรรม ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้

แต่นักการเมืองทุกคนในปัจจุบันหลีกเลี่ยงที่จะมาเปิดอ่านหรือแม้แต่เพียงเหลือบแลมอง เนื่องมาจากทุกคนไม่สามารถยอมรับในความจริงที่ปรากฎ อันเป็นวิถีทางที่ปิดกั้นการแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเมือง ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติของนักการเมืองในสังคมยุคใหม่ที่ประกอบไปด้วย นายทุน นักธุรกิจ ผู้มีอิทธิพลและผู้ที่ก้าวเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์

เพราะสังคมโลกในยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการบริหารระบอบเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลที่มีอำนาจใน การปกครองประเทศเพื่อเชื่อมโยงโลกทั้งโลกเข้ามาหลอมรวมกัน โดยสังคมโลกไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน มากไปกว่าความร่ำรวยของกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่บริหารปกครองประเทศในแต่ละประเทศ ทำให้บรรดานักการเมืองในยุคนี้จึงประกอบไปด้วยนายทุนเป็นสำคัญ เพราะสามารถระดมแหล่งทุนเข้ามาเป็นเหยื่อล่อเพื่อสะสมคะแนนเสียงส่วนมากจากประชาชนในการเอาชัยชนะการเลือกตั้งในทุกระดับ และมีสิทธิอันชอบธรรม มีความสมบูรณ์พร้อมในทุกด้านเพื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลและกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการประเทศตามแนวทางที่กำหนดไว้

โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

ไม่ใช่เพื่อสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

เปรียบดังคหบดีผู้มีทรัพย์ที่รับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวอย่างอุดมสมบูรณ์ ในบางครั้งก็จะเหวี่ยงเศษกระดูก เศษก้างปลา เศษอาหารอื่นๆ ที่เหลือจากการรับประทาน ลงมาให้สุนัขหรือแมวที่หมอบรออยู่ใต้โต๊ะ ส่วนอาหารที่เหลือยังคงสามารถเก็บไว้กินวันหลังได้อีก ไม่ใช่โยนส่วนที่เหลือลงมาให้สุนัขหรือแมวใด้ลิ้มรสแต่อย่างใด

การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจึงไม่ใช่คำตอบของความเปลี่ยนแปลง

แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ตัวตนของนักการเมือง

ที่จะต้องเป็นนักการเมืองที่มีสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

จักรกลการเมือง