ปรองดอง?



สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวคราวของบ้านเมืองในระยะนี้ก็จะเห็นได้ว่า กระแสของเรื่อง "การปรองดอง" มาแรงแซงโค้งทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องราคาใข่ไก่ที่กำลังทำสถิติแตะเพดานฟองละ 4 บาทเข้าไปแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังใจเย็นเพราะมองเห็นว่าเรื่องปรองดองสำคัญที่สุด เหนือกว่าเรื่องปากท้องของประชาชนและเรื่องอื่นๆ ก็ยังคงรอได้  และเวลานี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ก๋เดินสายทำความเข้าใจกับประชาชน (ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเจาะจงเป็นอุดรธานีและก็เฉพาะคนเสื้อแดง) ท่านได้เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.การปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... รวม 6 มาตรา ซึ่งเป็นของท่าน ดังมีรายละเอียดดังนี้

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ เรียกว่า "พระราชบัญญัติการปรองดองแห่งชาติ พ.ศ...."

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการกระทำใดที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวในระหว่าง พ.ศ.2549 จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ หากมีการกระทำใดเป็นความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่าได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้กระทำหรือผู้ถูกใช้ให้กระทำนั้น ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง

ในกรณีที่ผู้กระทำการตามวรรคหนึ่งอยู่ในระหว่างการสอบสวน ให้ผู้มีอำนาจสอบสวนระงับการสอบสวนผู้นั้น ถ้าอยู่ในระหว่างการฟ้องร้อง ให้พนักงานอัยการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้อง ถ้าอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นรับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษสิ้นสุดลง

ให้นำความในวรรคหนึ่งและวรรคสอง มาใช้บังคับกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลใดๆ อันเกี่ยวเนื่องจากการป้องกันระงับ หรือปราบปราม ในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการกระทำใดที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลม

เพื่อประโยชน์แห่งพระราชบัญญัตินี้ การชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หมายความว่า การกระทำหรือการแสดงความคิดเห็นเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง และให้หมายความรวมถึงการยึดหรือปิดสถานที่เพื่อประท้วง การต่อสู้ขัดขืนในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการประทุษร้ายต่อร่างกายหรือทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง

มาตรา 4 บรรดาการกล่าวหาการกระทำความผิดบุคคลใดๆ ที่เกิดจากคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 หรือจากคณะบุคคลซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นการกล่าวหาจากหน่วยงานอื่นใด อันเป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินการของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ว่าเป็นการกล่าวหาในข้อหาใด ให้ถือว่าเป็นการกล่าวหาในความผิดทางการเมือง และให้การกล่าวหาการ

กระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิด และให้นำความในมาตรา 3 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 5 ในกรณีที่มีผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการกระทำใดที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวตามมาตรา 3 วรรคหนึ่ง ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

มาตรา 6 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระ ราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

( หน้า 10 มติชนรายวัน 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 )

ยอมรับตรงๆ ว่าอ่านหนังสือกฎหมายมาก็หลายเล่ม มีฉบับนี้เท่านั้นที่ทำให้เกิดอาการ ..ใบ้แดก ..พอขยับปากจะค้านออกมาก็นึกขึ้นได้ว่า "พี่เหลิม" ท่านจบดอกเตอร์มาหมาดๆ วิชากำลังร้อนระอุอยากขะออกมาโลดแล่นแสดงสมรรถภาพให้ประชาชนบนแผ่นดินไทยได้รู้เห็นกันเต็มหูเต็มตาเสียที

ก็ให้มันรู้ไปว่าผู้คนที่พากันมาล้มตายกันระเนระนาดนั่นก็เพื่อความมุ่งหมายทางการเมืองบางประการเท่านั้น และเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงไปแล้วก็เป็นอันว่ายุติ ทุกฝ่ายเลิกแล้วต่อกันไปกลับไปทำงานหาเช้ากินค่ำต่อไป ผู้คนที่ลับๆ ล่อๆ จ้องอยากจะกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติก็ดำเนินการต่อไปอย่างเสรีประชาธิปไตย

คนที่ตายไปแล้วก็ฟื้นขึ้นมากลับบ้าน

เรื่องโง่ๆๆๆๆๆ แค่นี้ไม่ต้องถึงมือรองนายกรัฐมนตรีหรอกครับท่าน
คนปัญญาอ่อนข้างบ้านผมเค้าก็คิดเป็น

นับถือสุดชีวิตเลยว่าเป็นกฎหมายที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถคิดขึ้นมาได้ ทำเอาประมวลกฎหมายทุกฉบับในเมืองไทยที่มีอยู่แทบจะพากันไปโดดน้ำตายตามกัน

ไม่ต้องพูดถึงบรรดาผู้พิพากษาที่มีอยู่ในบ้านเมือง
ที่ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตื่นเต้นในอัจฉริยกฎหมายฉบับนี้

ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา
ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งใดคือความถูกต้องชอบธรรม
บุคคลใดที่มีการกระทำที่แสดงออกว่าเป็นคนดีของสังคม

และบุคคลใดที่ถือว่าเป็น
"ผู้ก่อความวุ่นวายในราชอาณาจักร"


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

จักรกลการเมือง