บทความ

คนกับสังคม

รูปภาพ
บรรยากาศทางการเมืองทั่วโลก หรือเฉพาะภูมิภาคในช่วงเวลานี้ เรียกได้ว่าร้อนระอุยิ่งกว่าภูมิอากาศบ้านเรา  อาจจะเป็นเพราะความร้อนรุ่มในจิตใจจากตัณหา ความอยากเด่น อยากดัง อยากครองโลก อยากมีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ หรืออยากจะมีตัวตนรวมอยู่ในหมู่ชนชั้นสูงของสังคม พยายามหาวิธีการถีบตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของสังคม เพื่อให้มีอำนาจยืนเด่นอยู่เหนือประชาชนโดยทั่วไป จึงมีความพยายามสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ชื่อของตนได้รับการกล่าวขานถึง โดยไม่นำพาต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง ซึ่งอาจจะเป็นความสูญเสีย ทั้งทรัพย์สินของประเทศ หรือเลือดเนื้อ และชีวิตของประชาชน  พูดได้เต็มปากว่า พฤติกรรมทั้งหลายทั้งมวล เกิดขึ้นมาจาก "นักการเมือง"  นักการเมือง ที่อาจจะเกิดขึ้นมาจากการเลือกสรรของตัวแทนประชาชน หรืออาจจะเกิดขึ้นมาจากการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย หรืออาจจะเกิดขึ้นมาจากการนำเสนอตัวเองเข้ามาเป็นผู้นำเสียเอง ด้วยอิทธิพล ด้วยอำนาจเงิน หรือด้วยวิถีทางอื่น ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ และวิทยาการเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้มีโอกาสแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสาร ที่มีอยู่ให้

ศักดิ์ศรี ?

รูปภาพ
ภาพข้างบนนี้ถ่ายเมื่อปลายปี  2520 กับเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งเป็นพลทหารกองประจำการผลัดที่ 1 ปี 22520 เช่นเดียวกัน วันที่ถ่ายภาพนี้เราสองคนได้รับยศเป็น สิบตรีกองประจำการ เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารใหม่ผลัดที่ 2 ปี 2520 เสร็จสิ้นลงไป และเตรียมตัวเข้าไปทำหน้าที่ผู้ช่วยครูฝึกทหารใหม่ผลัดที่ 1 ปี 2521 ต่อไปอีก ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแนวคิด เกี่ยวกับชีวิตทหาร ซึ่งมีมุมมองที่ไม่ค่อยจะดีนักจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา นับตั้งแต่ได้พบเห็นการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ในสถานศึกษาเดิมขณะที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กับภาพลักษณ์ของทหารรับจ้างในลาวซึ่งเข้ามารับการฝึกอยู่ภายในพื้นที่ของทหารใกล้บ้าน และเชื่อว่าเป็นแนวความคิดเหมือนกับที่ชาวบ้านทั่วไปส่วนมาก เห็นพ้องต้องกัน ในเรื่องความประพฤติที่เสื่อมเสียมากมาย เพราะการขาดวินัย  แต่ก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าในเวลาต่อมา จะต้องมาสวมใส่เครื่องแบบสารวัตรทหาร ที่มีหน้าที่หลักในการกวดขันวินัยทหารโดยตรง และยอมรับว่าเป็น "งาน" ที่ตรงกับความต้องการที่สุด แม้ว่าการปฏิบัติหน้าที่จะไม่ได้ราบรื่นสมหวังไปเสียท

สติทางการเมือง

รูปภาพ
เพราะใกล้จะถึงวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าไปทุกขณะ จึงไม่แปลกอะไรที่จะพบเห็นคำมั่นสัญญา หรือแนวความคิดของผู้สมัคร หลั่งไหลออกมาสู่ระบบสื่อสารสาธารณะอย่างมากมาย เป็นปัญหาที่ประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทุกคน จะต้องนำไปพิจารณาแยกแยะถึงเหตุและผล ประกอบในการตัดสินใจเพื่อเลือกสรรผู้สมัครที่มีแนวความคิดเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ดูจะเป็นเรื่องยากในการค้นหาความจริงใจ จากคำมั่นสัญญาทั้งหลายเหล่านั้น ของท่าน ๆ  อันที่จริง ในบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ย่อมรับรู้ได้ถึงข้อมูลความเป็นไปของผู้สมัครบางคน โดยเฉพาะเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลนักการเมืองอาชีพ แน่นอนว่าคนเหล่านี้มีฐานเสียงที่มั่นคงภายในพื้นที่ ผ่านทางนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นสายตรงที่ให้การสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบรรดาหัวคะแนนในท้องถิ่น จึงเป็นหลักประกันในความมั่นคงของคะแนนเสียงมาโดยตลอด เว้นแต่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในพื้นที่ เพราะทายาทของผู้ยิ่งใหญ่รุ่นเก่าหลายคน ไม่มีความสามารถเพียงพอในการดำเนินรอยตามบรรพบุรุษ เหตุผลหนึ่งก็อาจจะมาจาก ความเปลี่ยนแปลงเรื่องแนวความคิ

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

รูปภาพ
  ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามราชกิจจานุเบกษา  เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๒๓ ก  ลงวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๖ หน้า 92 - 94  ด้วยได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๖ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดให้วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นวันเลือกตั้ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒ มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบข้อ ๘๗ ข้อ ๙๑ ข้อ ๑๐๑ ข้อ ๑๐๒ และข้อ ๑๐๙ ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๖ คณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง การสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมือง มีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนี้ ๑. ผู้ใดจะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใด ให้ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งพร้อมทั้งหลักฐาน ดังนี้

หน้าที่พลเมือง

รูปภาพ
วันนี้ (26 มีนาคม 2566) มีการเปิดให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว เรื่องการลงคะแนนคงไม่จำเป็นที่จะต้องไปพูดถึง เพราะดูจะเป็นภาพที่ซ้ำซากจำเจ ซึ่งเกิดขึ้นมาบ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่จะมองเห็นภาพของผู้สมัครหน้าเดิม และก็จะย้ำเตือนให้มองเห็นได้ชัดถึงการสืบทอดอำนาจในการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นต้นทางในการส่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด ให้ก้าวขึ้นไปมีส่วนร่วมของอำนาจบริหารราชการในระดับชาติ มันคล้ายจะเป็นวัฏจักรของอำนาจทางการเมือง ที่ถูกผูกขาดให้สืบทอดต่อไปภายในตระกูล ภายในวงศาคณาญาติ หรือเฉพาะกลุ่มพวกพ้อง และสมุนบริวาร ไปโดยปริยาย   ทำให้อยากย้อนกลับมาดูเนื้อหาของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 50 ซึ่งระบุให้เห็นถึง  หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตาามที่บัญญัติไว้ตามหมวด 4 แต่ก็คงจะมีประชาชนคนไทยไม่ถึง 1 ใน 5  ของประชากรทั้งประเทศ ที่ได้รับรู้เนื้อหาของบทบัญญัติมาตรานี้ ซึ่งควรจะเป็นสิ่งแรกที่นักการเมืองทุกระดับ จะต้องนำเสนอให้ประชาชนภายในพื้นที่ของตน ได้รับรู้และมีความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปิดกั้นความรู้และความเข้าใจในสิ่งที่ถูกที่ควร และป้

จักรกลการเมือง

รูปภาพ
เช้า วันนี้ (20 มีนาคม/09.10 น.) ยังไม่มีการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวนั้นมีมานานหลายเดือนแล้ว จากสิ่งบอกเหตุของสถานการณ์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปี่กลองการเมืองเริ่มออกประโคมบอกกล่าว ชักชวน จูงใจ  หลอกล่อประชาชน ตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีนายทุนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน วาทกรรมโป้ปดมดเท็จ ซ้ำซาก เริ่มโชยออกมาจากปากของนักการเมืองหน้าเดิม ที่ไม่เคยก้มหน้าลงไปดูเงาของตัวเองบนน้ำในกะลา โฉมหน้าของนักการเมืองที่ยอมตกเป็นทาสนายทุน ซึ่งดาหน้ากันออกมาแหงนหน้าถ่มถุยน้ำลายขึ้นฟ้า และเต็มใจที่จะกลืนกินน้ำลายของตัวเองลงไป โดยไม่สะทกสะท้านต่อเสียงสาปแช่ง ยังคงคิดอยู่เสมอมาว่า ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น เป็นเพียงข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนแผ่นกระดาษ เพราะในความเป็นจริงของสังคมแล้ว อำนาจในการบริหารปกครองประเทศที่แท้จริง เป็นความคืดของบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ส่งผ่านมาทางคณะบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า "รัฐบาล" และความหมายของรัฐบาลก็คือ กลุ่มบุคคลที่มีฐานะทางสังคมเหนือกว่าประชาชน แต่สยบยอมต่อกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า "นายทุน" ซึ่งแฝงตัวยืนอยู่เบื้องหลังอำนาจมาโดยตล

ผ่านไปอีก 1 ปี

รูปภาพ
  ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ไม่แน่นอน ก็ปลงเอาไว้นานมาแล้วตามหลักคิดทางพุทธศาสนา เพราะเกือบเอาชีวิตผ่านข้ามปีมาไม่ไหว หลังจากที่รับเชื้อไวรัสโควิดเข้าไปในร่างกายแบบไม่รู้ตัว ผลก็คือร่วงลงไปให้เขาหามส่งโรงพยาบาล โชคดีที่ผ่านพ้นมาได้ ? แต่ไม่แน่ใจนักว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้หลงเหลือค้างคาอยู่ในปอดบ้างหรือเปล่า อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป Whatever Will Be Will Be  ส่วนเรื่องทางบ้านเมือง ก็ยังคงปั่นป่วนวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น และจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสาเหตุสำคัญก็มาจาก นักการเมือง ทั้งรุ่นเก่าที่ฟันร่วงหมดปากไปแล้ว และนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ยังดูดจุกยางแทนนมแม่ คนพวกนี้หลายคนอายุไม่ถึง 20 ปี ส่วนมากก็ยังคงศึกษาอยู่ในระดับมัธยม  แต่สามารถออกมาพูดแนะนำสั่งสอนรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหารปกครองบ้านเมืองอย่างลื่นไหล ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่หลุดอกมาจากปาก ได้รับการปลูกฝังอบรมสั่งสอน มาเฉพาะกาล จากนักวิชาการในคราบของนักการเมือง ที่ต้องการเข้ามามีอำนาจ เพื่อปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศแบบ ...พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน... ตามแนวทางที่คณะราษฎรเคยกำหนดเอาไว้ตั้งแต่เริ่มแรก เพียงแต่ไม่อาจฟันฝ่ากระแสธารความซื่อสัต