จักรกลการเมือง


เช้า วันนี้ (20 มีนาคม/09.10 น.) ยังไม่มีการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวนั้นมีมานานหลายเดือนแล้ว จากสิ่งบอกเหตุของสถานการณ์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปี่กลองการเมืองเริ่มออกประโคมบอกกล่าว ชักชวน จูงใจ  หลอกล่อประชาชน ตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีนายทุนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน วาทกรรมโป้ปดมดเท็จ ซ้ำซาก เริ่มโชยออกมาจากปากของนักการเมืองหน้าเดิม ที่ไม่เคยก้มหน้าลงไปดูเงาของตัวเองบนน้ำในกะลา โฉมหน้าของนักการเมืองที่ยอมตกเป็นทาสนายทุน ซึ่งดาหน้ากันออกมาแหงนหน้าถ่มถุยน้ำลายขึ้นฟ้า และเต็มใจที่จะกลืนกินน้ำลายของตัวเองลงไป โดยไม่สะทกสะท้านต่อเสียงสาปแช่ง

ยังคงคิดอยู่เสมอมาว่า ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น เป็นเพียงข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนแผ่นกระดาษ เพราะในความเป็นจริงของสังคมแล้ว อำนาจในการบริหารปกครองประเทศที่แท้จริง เป็นความคืดของบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ส่งผ่านมาทางคณะบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า "รัฐบาล" และความหมายของรัฐบาลก็คือ กลุ่มบุคคลที่มีฐานะทางสังคมเหนือกว่าประชาชน แต่สยบยอมต่อกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า "นายทุน" ซึ่งแฝงตัวยืนอยู่เบื้องหลังอำนาจมาโดยตลอด เพียงแต่ในวันนี้ การสื่อสารมวลชนก้าวหน้าไปไกลแล้ว  นายทุนเหล่านี้จึงไม่จำเป็นทีจะต้องหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังอีกต่อไป พากันออกมาแสดงตัวตนที่แท้จริง เปิดหน้าให้สังคมได้เห็น ได้รับรู้ความจริงกันอย่างโจ่งแจ้ง 

ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ว่า พวกเขาเหล่านี้ คือ ตัวตนที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตย ที่แอบอ้างเอาเรื่องของ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค มาประกาศเรียกร้องว่าเป็นความต้องการของประชาชน  ทั้งที่หัวใจของระบอบประชาธิปไตยตามตัวอักษร ก็ยังคงเป็นเพียงตัวอักษรเหมือนเดิม ยังไม่เคยถูกนำออกมาใช้อย่างจริงจัง แต่ระบบเศรษฐกิจ กลับถูกนำมากล่าวอ้างว่าเป็นเส้นทางที่สนองตอบ ต่อความต้องการของประชาชน  ซึ่งในโลกของความเป็นจริงแล้ว ระบอบประชาธิปไตย ที่นำมาใช้อยู่ทุกวันนี้ กลับแยกช่องว่างระหว่าง คนรวย กับ คนจน ให้ห่างไกลกันออกไปมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เพราะระบบเศรษฐกิจระดับโลก เกื้อกูลเฉพาะกลุ่มนายทุน ซึ่งเป็นคนรวยตามสายเลือดอยู่แล้ว ให้เติบโตขยายวงกว้างมากกว่าเดิม และใช้เงินเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของประชาชน ให้เป็นไปตามความต้องการ ของตนเอง สนับสนุน ส่งเสริมให้ประชาชนหันมามัวเมาด้านวัตถุนิยม เพื่อให้ลืมเลือนโลกของความเป็นจริง เบี่ยงเบนความรับรู้ของประชาชนด้วยวิธีการต่าง ๆ นา ๆ 

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรดานายทุนที่เดินเข้ามาบนถนนสายการเมือง ก้าวขึ้นมามีอำนาจเต็มในการบริหารปกครองประเทศ แล้วใช้อำนาจจากตำแหน่งหน้าที่ของพวกตน สร้างมวลชนขึ้นมาเป็นแนวรั้วกั้น ให้กลุ่มนายทุนสามารถกอบโกย แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนได้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากการขัดขวางจากประชาชน

นี่คือความจริง จากประชาธิปไตย

หากมีวิจารณญาณเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็ควรจะมองไปยังประเทศมหาอำนาจ ที่อ้างว่าเป็นต้นแบบของประชาธิปไตยที่แท้จริง แล้วมองให้ลึกลงไปถึงแนวทางในการสร้างประชาธิปไตย ให้กับประเทศที่อยู่ในกลุ่มด้อยพัฒนา จะพบว่าเป็นการนำกำลังทหารเข้าไปเพื่อการสงคราม เพื่อการทำลายล้าง และเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์บนดินแดนเหล่านั้น มากกว่าที่จะไปพัฒนาและสร้างความเจริญ เพราะทุุกพื้นที่หลังการแทรกแซง จะทิ้งไว้ให้เห็นทรากปรักหักพังของสิ่งต่าง ๆ รวมถึงความสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนในประเทศนั้น ๆ ในทุกพื้นที่ที่กลุ่มมหาอำนาจเหยียบย่างเข้าไป ด้วยข้ออ้างที่สวยหรู ตามความเชื่อของตัวเอง

ไม่เคยมีความจริงใจจากกลุ่มนายทุน 
ตั้งแต่อดีต หรือในปัจจุบัน ไปจนถึงในอนาคต

ในที่สุด วันนี้ (20 มีนาคม) ช่วงบ่ายก็มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ออกมาแล้ว เป็นอีกวาระหนึ่งที่จะพิสูจน์ สติปัญญา และวิจารณญาณของประชาชนคนไทยอีกครั้งหนึ่ง ว่ามีวิวัฒนาการทางความคิดเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ท่ามกลางกระแสความพยายามในการโค่นล้มสถาบันหลักของประเทศอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน โดยไม่สนใจใยดีต่อวิกฤติการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป 

กับความพยายาม ในการท้าทายความรู้สึกของคนไทยทั้งแผ่นดิน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน