ก็ได้แต่รำพึง


เคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าจะไม่ให้ความสนใจกับข่าวสารบ้านเมืองอีกแล้ว แต่ก็อดใจไม่ได้เพราะระหว่างที่ท่องเว็บหาดูหนัง ฟังเพลง ดูกีฬา มันก็จะต้องพบเจอข่าวสารบ้านเมือง จากทั่วโลก จากบ้านเรา ประดังกันนำเสนอขึ้นมามากมาย บางครั้งมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง บางครั้งก็เป็นการสร้างข่าวเท็จ บ่อยครั้งที่เป็นการนำเสนอ และวิเคราะห์ไปตามแนวความคิดของตนเอง ดังนั้น ข้อมูลข่าวสาร ที่ได้รับจากโลกสังคมออนไลน์ จึงต้องอาศัยวิจารณญาณของผู้เสพ ว่าจะต้องกลั่นกรองไปอีกหลายชั้น กว่าจะได้เนื้อข่าวที่เป็นจริง ซึ่งบ่อยครั้งก็จะไม่มีให้เห็นแม้แต่กาก เพราะผลงานการเสกสรรค์ปั้นแต่งของคนรุ่นใหม่ มีวิวัฒนาการรุดหน้าไปมาก ด้วยการใช้วิทยาการและเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเข้ามาช่วยเหลือ 

แต่ก็คงจะต้องยอมรับความจริงเช่นกันว่า กระบวนการทางกฎหมาย และการบริหารปกครองบ้านเมือง โดยนักการเมืองอาชีพ เป็นเรื่องที่จะต้องทำใจยอมรับผลที่จะตามมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความยุติธรรม  ตามกระบวนการทางกฎหมาย การเจริญเติบโตของระบอบอุปถัมภ์ ความไร้เดียงสาของประชาชนบางส่วน การทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ของข้าราชการประจำ ในทุกภาคส่วนของระบบราชการ ความสัมพันธ์เกื้อหนุนระหว่างข้าราชการประจำกับนักการเมือง และเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ  ความไม่เป็นมืออาชีพของสื่อมวลชน ที่พากันละทิ้งความเป็นนกน้อยในไร่ส้มแต่ดั้งเดิม เปลี่ยนมาทำตัวเป็นนกแร้งในป่าช้า ที่ไร้จรรยาบรรณ 

แต่ในสังคมที่ฟอนเฟะ ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่พากันร่วมมือร่วมใจ เพื่อต่อสู้กับความล้มเหลวของระบบยุคใหม่ สังคมที่มีนักการเมืองกับนายทุน ร่วมมือกันเป็นผู้กำหนดเส้นทางของประเทศ กำกับควบคุมวิถีชีวิตของประชาชน ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ นั่นก็คือ การแสวงหาอำนาจ แล้วใช้อำนาจนั้นแสวงหาผลประโยชน์ จากตำแหน่งหน้าที่ของตน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข่าวคราวการจับกุมคดีทุจริตต่าง ๆ หลายครั้งก็เป็นเพียงการแสดงละครฉากหนึ่งเท่านั้น  ที่มีผู้ชมหลายคนรู้ตอนจบได้ล่วงหน้า ว่าท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร เนื่องจากเส้นทางการต่อสู้ของนักการเมือง จะต้องมีแพะคอยรับบาปเอาไว้เสมอ เพราะอำนาจเงินมันสูงส่ง ดังเช่นสุภาษิตจีนที่ว่าไว้ ...คนมีเงิน สั่งผีให้โม่แป้งก็ยังได้... 

ประชาชนทั่วทั้งโลก ถูกสังคมหล่อหลอมให้ลุ่มหลงในวัตถุ ยกย่องคนมีเงินว่ามีอำนาจอยู่เหนือตนเอง และ คำพูดของคนบางคนที่ว่า ...รวยแล้ว ไม่โกง ... ก็ยังมีประชาชนอีกไม่น้อยที่หลงเชื่อหมดหัวใจ โดยไม่คิดถึงหลักความจริงที่ว่า นักการเมืองสามารถที่จะพูดได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยทำได้เลยสักอย่างในความเป็นจริง 

ยังคงยืนยันอีกครั้งว่า 
การรวมตัวกันของนักการเมืองกับนักธุรกิจ เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างแท้จริง เพราะเป็นคน 2 กลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นสำคัญ
และนักธุรกิจ ที่ก้าวเข้ามามีอำนาจในแวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว 
คือ จุดกำเนิดแห่งหายนะของประเทศ



โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

จักรกลการเมือง