ประชาธิปไตย (1)
“.....
เมื่อประชาธิปไตยช่วยให้เรามีอิสระเสรีในการแสดงความคิดเห็นได้แล้ว บทความนี้ก็คงจะยืนยันให้เห็นถึงสิทธิอันชอบธรรมของตัวเราที่จะมองภาพรวมของเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในสังคมไทยได้เช่นกัน.....ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว.....”
ประชาธิปไตย (1)
หากจะพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว
ก็สามารถที่จะพูดได้เต็มปากเลยว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 นั้น
เกิดขึ้นมาจากความต้องการของคนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นเอง แต่เป็นเพราะวิธีการใช้กลอุบายหลอกล่อนำกำลังทหารชั้นผู้น้อยมาชุมนุมโดยที่ทุกคนไม่รู้ถึงจุดประสงค์อันแท้จริงที่แอบแฝงอยู่
แต่กลุ่มคนที่เป็นผู้นำนั้นก็มีความแตกต่างกันทั้งด้านแนวความคิดและเหตุจูงใจโดยสิ้นเชิง
ซึ่งได้ปรากฏให้เห็นเด่นชัดในเวลาต่อมา
เพียงแต่กล่าวอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชนคนไทย ที่ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น
ส่วนมากไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่ามีระบอบการปกครองอื่นเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
และก็ไม่ได้เข้ามามีส่วนรวมในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แม้แต่คนเดียว
คงมีแต่นักวิชาการหัวก้าวหน้ากับผู้กุมอำนาจทางทหารเพียงไม่กี่คน
ด้วยอุปนิสัยพื้นฐานของคนไทย
ให้ความเชื่อมั่นต่อผู้มีอำนาจ หรือ ผู้มีฐานะสูงส่ง ดังนั้น
จึงไม่ปรากฎว่ามีการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญดังกล่าวเกิดขึ้น
เพราะความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นตามมากับบ้านเมืองในเวลาต่อมา
ล้วนแต่เกิดมาจากจากความขัดแย้งของคณะบุคคลดังกล่าวข้างต้นทั้งสิ้น
อันมีสาเหตุมาจากแนวคิดที่แตกต่างกันนั่นเอง เนื่องจากกลุ่มคนหัวรุนแรงบางกลุ่ม ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใน
3 สถาบันหลักของชาติไทย
ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงเฉพาะระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
นั่นหมายความถึง การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ลงไปโดยสิ้นเชิง และ
ให้มีการเลือกตั้งผู้นำประเทศจากการลงมติของประชาชนทั้งประเทศ
ตามแบบอย่างของประเทศในซีกโลกตะวันตก ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดไปไกลเกินกว่าที่จะเป็นความจริงขึ้นมาได้
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศไทย
แล้วนำมาเปรียบเทียบกับโลกซีกตะวันตก แต่ในช่วงเวลาเริ่มต้น คนกลุ่มดังกล่าวไม่ได้มองถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของประชาชนในช่วงเวลานั้น
ว่ามีความรอบรู้อยู่มากน้อยเพียงใด เกี่ยวกับรูปแบบหรือความแตกต่างของระบอบการปกครองที่มีอยู่บนโลก
ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการที่แท้จริงของทุกระบอบการปกครอง แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังดันทุรังยึดถือเอาความคิดของตนเองเป็นสำคัญ
ดังนั้น
การปลูกฝังแนวคิดทางการเมืองของคณะบุคคลดังกล่าว
จึงเป็นการสร้างแนวคิดทางการเมืองที่ผิดให้กับประชาชน
มาตั้งแต่จุดตั้งต้นของการเปลี่ยนแปลงเมื่อ พ.ศ.2475
และส่งผลกระทบสืบเนื่องติดต่อกันมายาวนานจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ประชาชนในระดับล่างที่ไร้การศึกษา
ถูกมอมเมาให้เกิดตัณหา ถูกปลุกปั่นให้เชื่อใน สิทธิ เสรีภาพ
และความเท่าเทียมกัน
ที่ไม่เคยมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
ไม่ว่าประเทศนั้นจะเป็นการปกครองในระบอบใดก็ตาม
ประชาชนในระดับชนชั้นกลาง
ถูกปลุกเร้าให้มีความทะเยอทะยานในตำแหน่งหน้าที่ ต่างมุ่งหวังในลาภยศสรรเสริญ
และชื่อเสียงจอมปลอมที่ถูกแต่งตั้งมาหลอกล่อ
ทำทุกอย่างเพื่อยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของตนในทุกวิถีทาง
โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่
ประชาชนในระดับผู้มีฐานะ
ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น
ต่างพากันแข่งขันกันเข้ามามีสถานะเป็นนักการเมือง แย่งชิงไต่เต้าขึ้นมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในทุกระดับชั้น
เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ กอบโกยทรัพย์สินจากทรัพยากรของประเทศชาติ
หรือจากประชาชนผู้ยากไร้ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตนเป็นสำคัญ
เพราะสามารถร่วมกันออกกฎหมายเพื่อนำมาบังคับใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของตนและพวกพ้อง
มากกว่าที่จะออกกฎหมายขึ้นมาเพื่อจัดระเบียบสังคมโดยรวมเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ
และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
มาถึงทุกวันนี้
ปรากฏให้เห็นถึงความจริงแล้วว่า อาชีพ นักการเมือง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมในสังคม
และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความแตกแยกขึ้นในบ้านเมือง ของทุกระบอบการปกครองอย่างแท้จริง
....ยังมีต่อ...