คลื่นใต้น้ำ


สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ ยังพูดไม่ได้เต็มปากว่า "สงบเรียบร้อย" แม้ว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้วก็ตาม หากแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามที่เคยใช้ทุกวิธีการในการ "ทวงคืนอำนาจ" ออกอาการเหนื่อยล้ากับการต่อสู้กับพลังของประชาชนบางส่วน และจุดสำคัญของเรื่องก็อยู่ที่ว่า ในการต่อสู้ของฝ่ายตนต้องใช้ทรัพยากรที่เป็น "เงิน" ในการปลุกระดมมวลชนบางส่วนเข้ามาต่อต้านอำนาจรัฐของฝ่ายตรงข้าม การกระทำดังกล่าวสิ้นเปลืองเงินไปเป็นจำนวนมาก ทั้งจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ  "ค่าจ้าง" ของกลุ่มสนับสนุน รวมถึง "ค่าใช้จ่าย" ของบรรดาแกนนำที่มีมูลค่ามหาศาล อันส่งผลให้บรรดาแกนนำหลายคนเปลี่ยนฐานะจาก "ไพร่(ตามความหมายของตัวเอง)" มาเป็น "อำมาตย์" แล้วก็ยกระดับฐานะในสังคมขึ้นมาเป็นผู้มีอันจะกิน ร่ำรวยมีเงินสดนับร้อยล้านภายในช่วงเวลาไม่ถึง 5 ปี

บุคคลเหล่านี้มีทุนรอนสำหรับการโลดแล่นบนถนนการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพราะการ "โกง" แม้กระทั่งผู้ว่าจ้างของตนเอง และมองประชาชนบางกลุ่มเป็นเพียง "เครื่องมือทางการเมือง" เท่านั้น แต่พวกเขาก็รับรู้ว่า "คะแนนเสียง" ยังคงซื้อหาได้ทั่วไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม ไม่ว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญกี่ครั้งก็ตาม

เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้มองการเมืองว่าเป็นหนทางในการบริหารปกครองประเทศให้เจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขมีฐานะความเป็นอยู่ที่พอเพียงในสังคมโดยรวม และลดช่องว่างระหว่างชนชั้นลง สร้างสามัญสำนึกในความรักชาติรักแผ่นดินให้เกิดขึ้นในหัวใจของทุกคน

แต่คนเหล่านี้มองหาเพียง "ผลประโยชน์" ที่จะได้รับจากการรับใช้นายทุน จากการปลอกลวงประชาชน จากการทุจริตคิดไม่ชอบจากตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง จากการรวมตัวกันของคนที่มีความคิดชั่วช้าเหมือนกันมาร่วมกันต่อต้านผู้กีดขวางเส้นทางแห่งอำนาจด้วยวิธีการต่างๆ

ทั้งนี้โดยอาศัยวิธีการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง มีการป้อนข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ บิดเบือน ออกสู่สาธารณชน ในทุกเรื่อง เพียงหวังผลให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้นในหมู่ประชาชน แล้วอาศัยสื่อสารมวลชนช่วยกระพือโหมให้เกิดความวิตกกังวล ความหวาดระแวงขึ้นในหมู่ประชาชน แล้วจึงเริ่มสนับสนุนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดำเนินการเรียกร้องต่างๆ นาๆ

แต่ในขณะเดียวกันก็จะลอบให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามให้ทำการตอบโต้ด้วยความรุนแรง ก้าวร้าว ยั่วยุ ให้มีการประทะกันด้วยกำลัง เพื่อขยายสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายออกไป

วิธีการเหล่านี้ไม่ใชวิธีการของ "ระบอบคอมมิวนิสต์" แต่เป็นวิธีการของ "ระบอบนายทุน"
เพราะคอมมิวนิสต์มีจุดมุ่งหมายเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน
แต่ "นายทุน" ทำทุกอย่างเพื่อตนเอง เพื่อครอบครัวและพวกพ้องเท่านั้น
ชีวิตของประชาชนเป็นเพียง "สินค้า" ในความหมายของนายทุน

นายทุนเป็นผู้ขายอาวุธในการทำลายล้าง
นายทุนเป็นผู้ขายเครื่องเวชภัณฑ์ในการรักษาพยาบาล
นายทุนเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนในการสร้างประเทศ
นายทุนเป็นผู้ให้การสนับสนุนนักการเมืองเพื่อให้เข้ามาบริหารปกครองประเทศ
นายทุนเป็นผู้เสนอให้มีการแก้ใขกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับฝ่ายตน
นายทุนเป็นผู้ดำเนินการในการส่งออกและนำเข้าสินค้า
นายทุนเป็นผู้ดำเนินกิจการ ธนาคาร ประกันภัย ตลาดหลักทรัพย์
และนายทุนกำลังเข้าครอบงำในการเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ ในกิจการ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล การขนส่งมวลชน การสื่อสารมวลชน การไฟฟ้า การประปา รวมไปถึงกิจการต่างๆ อันถือได้ว่าเป็น "บริการสาธารณูปโภค" ที่ประชาชนทุกคนควรจะได้รับบริการขั้นพื้นฐานโดยเท่าเทียมกัน

แน่นอนว่า "นายทุน" ไม่สามารถดำเนินการเรื่องเหล่านี้ตามลำพังได้
หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก "องค์กรศาสนา" บางองค์กร
เป็นหน้าที่ของท่าน ... ที่จะไปมองหาว่า ซาตานที่แท้จริง มีหน้าตาอย่างไร ?

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

จักรกลการเมือง