ไฟจากการเมือง


ภาพข้างบนนำมาจาก Trattv ครับและมีข้อมูลประกอบข่าวเป็นระยะๆ ตั้งแต่เวลาเกิดเหตุ 21.30 น.ของวันที่ 22 ก.พ.57 เป็นต้นมา ทั้งภาพทั้งคลิปและข้อความ

แต่ในช่วงเช้ามีข้อมูลเพิ่มเติมจาก Tnews ว่า เหตุเกิดที่ตลาดยิ่งเจริญ หมู่ 1 ตำบลแสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ขณะที่บนเวทีการชุมนุม กปปส.กำลังมีการอภิปรายของกลุ่มรวมพลคนไทยหัวใจรักชาติ โดยมี “จ่าพงษ์ สารคาม” กำลังอภิปรายโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยมีชาวตราดจำนวนกว่า 500 คนนั่งฟังอยู่ และที่ข้างๆ เวที ซึ่งมีร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่บะหมี่เกี๊ยว และร้านหอยทอด ก็มีลูกค้านั่งกินอยู่ประมาณ 20 คน รวมทั้งการ์ด กปปส. ด้วย รวมทั้งมีชาวตราดบางส่วนนั่งฟังอยู่ที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ใกล้เวทีด้วยความสนใจ

ในระหว่างนั้นมีรถกระบะจำนวน 2 คัน เป็นรถโตโยต้า ไฮลักซ์ สีบรอนซ์ และรถกระบะสีขาว ยี่ห้อมิตซูบิชิ วิ่งผ่านมาและชะลอความเร็ว คนที่อยูในรถกระบะมิตซูบิชิได้ขว้างระเบิดเข้ามาในกลุ่มคน ทำให้ระเบิดตกลงที่ตู้ร้านก๋วยเตี๋ยว และคนที่นั่งมาในรถกระบะโตโยต้าได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าใส่ถูกคนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยว หลังจากนั้นคนร้ายก็ยิงปืนกราดขึ้นไปด้านหน้าเวที โดยกระสุนปืนถูกผู้ชุมนุมหลายคน รวมทั้งผู้หญิงด้วย เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บกว่า 30 คน โดยมีเด็กหญิงอายุ 8 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย โดยผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดถูกส่งไปยัง รพ.เขาสมิง รพ.ตราด และ รพ.กรุงเทพตราด

 สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ พล.ต.ต.ถิร์สทัต บูรณรัช ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตราด ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุหลังรับรายงานจาก พ.ต.อ.จิรวุฒิ ตัณฑศรี ผกก สภ.เขาสมิง ว่า มีการใช้อาวุธปืนหลายขนาดประกอบด้วย 11 มม.ลูกซอง และอาวุธสงคราม รวมทั้งระเบิดคาดว่าเป็นลูกเกลี้ยงจำนวนสองลูก อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงก่อนเที่ยงคืนที่ผ่านมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด พร้อมด้วยนายแพทย์ชรัตน์ วสุธาดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุและสรุปยอดผู้บาดเจ็บที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 19 คน และยืนยันว่ายังไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่ พล.ต.ต.ถิร์สทัต เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพื้นที่พบปลอกกระสุนปืน 11 มม.จำนวน 10 ปลอก ส่วนระเบิดนั้นคาดว่าเป็นระเบิดแบบน้อยหน่า ผู้บาดเจ็บมีทั้งสิ้น 39 คน และยืนยันว่ายังไม่มีผู้เสียชีวิต ต่อมา นพ.ชรัตน์ วสุธาดา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรณีเด็กหญิงวัย 8 ขวบที่บาดเจ็บสาหัส ยังไม่เสียชีวิต แต่ถูกส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ระยอง

และในช่วงเช้าก็มีผู้อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุนี้ใช้ชื่อในเฟซบุ๊คว่า "ใหญ่ ท่าม่วง" แสดงอาการลิงโลดภาคภูมิใจในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์และมีบรรดาสาวกเสื้อแดงบางส่วนออกมาสรรเสริญสนับสนุนเป็นทิวแถว ซึ่งหมายความว่าบุคคลเหล่านี้ได้รับเงินค่าจ้างมามากเพียงพอที่จะสร้างสถานการณ์รุนแรงขึ้นในบ้านเมืองอย่างอิสระ จะทำเมื่อไร? ที่ไหน? ผู้ว่าจ้างไม่เกี่ยงงอนอีกแล้ว ขออย่างเดียวให้ประเทศชาตินี้เกิดความวุ่นวายขึ้นทุกหัวระแหงเท่านั้นก็คุ้มราคาค่าจ้างแล้ว

ขณะที่แนวทางในการใช้การประชาสัมพันธ์จากสื่อของรัฐและเสื้อแดงเข้าปลุกปั่นสร้างข่าวเท็จเพื่อหลอกลวงชาวนาให้เชื่อว่าการค้างชำระเงินค่าข้าวนี้เกิดจากการขัดขวางกระบวนการจ่ายเงินของ กปปส.ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ของ ธกส. ธ.ออมสิน หรือ ธ.พานิชย์ต่างๆ รวมถึงการออกพันธบัตรรัฐบาล ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเป็นเงินที่ค้างจ่ายมาตั้งแต่ก่อนมีการชุมนุมแล้ว และเงินจำนวนนั้นไม่สามารถที่จะขอกู้เพิ่มเติมจากสถาบันการเงินใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากติดขัดในข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีอยู่เกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของรัฐบาลรักษาการ

และก็ยังมีอดีต ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคในพื้นที่ชักจูงชาวนาบางส่วนให้หลงทิศหลงทางมาเรียกร้องเงินค่าข้าวแล้วก็พาชาวนาค้างคืนบนถนนถึงสองวัน ถ่วงเวลาจนเป็นข่าวออกสื่อมวลชน จากนั้นจึงแจ้งว่าคุยกับนายกฯ เป็นการส่วนตัวแล้ว รัฐบาลรับปากว่าจะจ่ายเงินให้อาทิตย์หน้า แล้วก็พาชาวนาเดินทางกลับบ้าน ปล่อยให้ชาวนางงเป็นไก่ตาแตกอยู่กลางถนน ซึ่งนี่คือแนวทางการต่อรองในทางการเมืองของพรรครร่วมรัฐบาลที่ได้ชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองที่ปลิ้นปล้อนที่สุดในประเทศไทย

อีกด้านกลุ่มเสื้อแดงระดับแกนนำที่จัดการพบปะเป็นประจำก็ออกมาข่มขู่ประชาชน และ กปปส.เป็นรายวัน และแนวทางที่ถนัดของกลุ่มนี้คือการใช้ความรุนแรง ตั้งใจจะนำมวลชนออกมาเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันเองให้ตายลงมากที่สุด เพื่อแลกกับเศษเงินที่นายใหญ่จะโยนมาให้ตามจำนวนศพที่มีแล้วคนกลุ่มนี้ก็จะนำเงินเหล่านี้มาสร้างฐานะตนเองต่อไป โดยไม่เคยแยแสครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต ประวัติศาสตร์หน้านี้เคยถูกบันทึกไว้แล้วในอดีต

สำหรับบทบาทของรัฐบาลรักษาการนั้นหมดสภาพไปตั้งแต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมของ กปปส.ถูกต้องชอบธรรมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และมีศาลแพ่งเข้ามาตอกย้ำจนทำให้ ศรส.กลายเป็นหน่วยงานที่ไร้อำนาจโดยสิ้นเชิง จนกลายเป็นหัวข้อสนทนาในระดับสากลไปแล้ว ว่ารัฐบาลยังจะทำอะไรได้อีกกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ขณะที่ตัวของนายกฯ รักษาการ ก็เปรียบเสมือนนักโทษหนีคดีต้องใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ตลอดเวลา

ทางออกน่ะมี แต่ติดขัดอยู่ที่เมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้ว ความชั่วร้ายที่ถูกหมกซ่อนไว้ใต้พรมจะต้องถูกเปิดออกมาสะสางกันอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม

กฎหมายที่ลงโทษนักการเมืองทุจริตต้องเด็ดขาด
โทษสูงสุดต้องถึงประหารชีวิต 
ต่ำสุดต้องจำคุกไม่ต่ำกว่าสิบปี
และจะต้องติดตามยึดทรัพย์ให้หมดสิ้น
ไม่ว่าจะมีการโยกย้ายถ่ายโอนไปในที่ใดก็ตาม


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ่านไปอีก 1 ปี

วงล้อการเมืองเริ่มหมุน

การเมืองใต้ตม